กรมสุขภาพจิต ชี้เล่นเกมส์รุนแรงเป็นเวลานานมีผลต่อจิตใจได้ เปิดรายชื่อ 10 เกมส์อันตราย
จากกรณีนักเรียนชายอายุ 19 ปี ใช้มีดแทงคนขับแท็กซี่เพื่อหวังชิงทรัพย์ แต่เกิดการต่อสู้ จนทำให้คนขับเสียชีวิต โดยนักเรียนชายอ้างเลียนแบบเกมคอมพิวเตอร์ ที่มีชื่อว่า จีทีเอ ซึ่งเป็นเกมที่มีรูปแบบใช้อาวุธเข่นฆ่ากันนั้น นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ได้ส่งทีมสุขภาพจิตจากสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ ซึ่งประกอบด้วย จิตแพทย์ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ และพยาบาลจิตเวชเข้าพบและพูดคุย ตรวจวินิจฉัยและให้กำลังใจครอบครัวของเยาวชนผู้ก่อเหตุแล้ว ซึ่งยังมีข้อสงสัยว่า เหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากการเลียนแบบเกมคอมพิวเตอร์จริงหรือไม่ เด็กไม่สบายหรือมีความผิดปกติ และเพราะเหตุใดจึงก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ยังไม่สามารถบอกได้
“ในทางจิตวิทยามีความเป็นไปได้ที่การเล่นเกมติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจก่อให้พฤติกรรมความรุนแรงได้ แต่จะเล่นนานหรือบ่อยเพียงใดขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคล ทั้งนี้ จะต้องทำการตรวจวินิจฉัยสุขภาพจิตต่อไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับทางตำรวจ และอัยการ เนื่องจากคดีนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว”นพ.มล.สมชาย กล่าว
อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า สำหรับ เกมจีทีเอ ซึ่งเป็นเกมที่เด็กรายนี้ติดจนถึงขั้นคลั่งไคล้นั้น เป็น 1 ใน 10 เกมที่เป็นอันตราย ที่อัยการสหรัฐอเมริกาได้เปิดเผยเมื่อปลายปี 2550 ที่ผ่านมาว่า ให้พ่อแม่ผู้ปกครองหลีกเลี่ยงการซื้อให้ลูกเล่น ได้แก่
1.แกรนด์ เทฟต์ ออโต้ (GTA-Grand Theft Auto)
2.แมนฮันต์ (Manhunt)
3.สการ์เฟซ (Scarface)
4.ห้าสิบเซ็นต์ : บุลเลตพรูฟ (50 Cent : Bulletproof)
5.สามร้อย : เดอะวิดีโอ เกม (300 : The Video Game)
6. เดอะ ก็อดฟาเธอร์ (The Godfather)
7.คิลเลอร์ 7 (Killer 7)
8.เรสซิเดนต์ อีวิล 4 (Resident Evil 4)
9.ก็อด ออฟ วอร์ (God of War)
10.ฮิตแมน : บลัด มันนี่ (Hitman : Blood Money)
นอกจากเกมจะมีส่วนโน้มน้าวจูงใจแล้ว ปัจจัยเรื่องสิ่งแวดล้อม ครอบครัวก็มีส่วนด้วย ซึ่งขณะนี้ครอบครัวของเด็กก็เศร้าและเครียดมาก เด็กขาดที่ปรึกษา และมีความเก็บกด ซึ่งยากที่จะคาดเดาว่าเหตุตอนที่จี้แท็กซี่ เกิดอะไรขึ้น ซึ่งจากการที่ทีมสุขภาพจิตเดินทางไปโรงเรียนเพื่อพูดคุยกับเพื่อนและครู เล่าให้ฟังว่า เด็กเป็นคนเก็บตัว เงียบๆ มีเพื่อนน้อยแต่ทุกคนพูดตรงกันว่า เด็กไม่มีลักษณะที่รุนแรง เรียนปานกลางแต่ชอบเล่นเกม เด็กเก่งคอมพิวเตอร์ และด้านไอทีมาก และเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นต่างก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น”นพ.มล.สมชายกล่าว
นพ.มล.สมชาย กล่าวว่า สาเหตุที่เด็กเล่นเกมเหมือนกันแต่ไม่ก่อเหตุรุนแรงขึ้นทุกคน ส่วนหนึ่งอาจเนื่องมาจากเด็กอาจแยกไม่ออกระหว่างโลกความเป็นจริงกับเกม เนื่องจากวุฒิภาวะไม่แข็งแรงพอ ดังนั้น พ่อแม่ที่คิดว่า ลูกไม่ได้ทำอะไรก็ปล่อยให้เล่นเกมต่อไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีอะไรเสียหาย ควรจะตระหนักและระมัดระวัง เพราะเกมมีผลต่อการเรียนรู้ของเด็กอย่างแน่นอน ถึงแม้จะไม่ก่อเหตุรุนแรงแต่ก็ทำให้ขาดทักษะชีวิต และสังคมในการทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น ดังนั้น ถึงเวลาแล้วหรือไม่ ที่โรงเรียนจะสอนทักษะการเล่นเกม เลือกเกมที่เหมาะสมเพราะมีเกมดีๆ อีกเป็นจำนวนมาก ที่มีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของเด็ก และหากทำได้จะเป็นเรื่องดีมาก
ด้านพญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผอ.ศูนย์สุขภาพจิตที่ 14 และจิตแพทย์กรมสุขภาพจิต เปิดเผยภายหลังเดินทางไปสัมภาษณ์พูดคุยกับครูและเพื่อนของเด็กว่า จริงๆ แล้วเกมน่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นให้เด็กก่อเหตุ เพราะจากการเก็บข้อมูลพบว่า เด็กมีจุดอ่อนทางด้านจิตใจบางเรื่อง โดยเฉพาะมีภาวะวิตกกังวลสูงรู้สึกว่าตนเองมีปมด้วยและมักจะรู้สึกมากเมื่อเพื่อนหรือครูตำหนิในบางเรื่อง โดยเพื่อสนิทคนหนึ่งเล่าว่า มีครูบางคนทวงถามเรื่องการบ้าน ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่เด็กกลับบอกว่า สงสัยครูจะไม่ชอบตน
“จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ เด็กได้เคยพูดกับเพื่อนสนิทว่า อยากได้รถมอเตอร์ไซด์โดยระบุว่ามีเพื่อนที่ต่างจังหวัดซื่อไม่ทราบว่าเป็นเพื่อนทางอินเทอร์เน็ตหรือไม่ ชักชวนให้ปล้นธนาคาร ทำให้เพื่อนๆ รู้สึกหนักใจ และท้วงติงกลับว่า คิดบ้าๆ หรือเปล่า”พญ.อัมพรกล่าว
ผอ.ศูนย์สุขภาพจิตที่ 14 กล่าวด้วยว่า จากการสอบถามอาจารย์ในโรงเรียนทราบว่าเด็กมีภาพพจน์ที่ดีในสายตาของครูเคยได้รับรางวัลจากการแข่งขันและการประกวดด้านไอที มีนิสัยเรียบร้อย แต่ในช่วงม.6 เริ่มเก็บตัวมากขึ้นแต่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะถึงขั้นก่อเหตุดังกล่าว อย่างไรก็ตามกรมสุขภาพจิตได้พยายามติดต่อทางครอบครัวของเด็ก ที่จะให้การดูแลจิตใจพ่อแม่ ซึ่งมารดาเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมาก ไม่คิดว่าเด็กจะคลั่งเกมจนเป็นเหตุให้ก่อเหตุดังกล่าวแต่น่าจะมีสาเหตุอื่นรวมด้วย โดยเฉพาะข้อมูลที่ได้จากเพื่อนของเด็กทุกคนไม่เชื่อว่าเกิดจากการคลั่งเกม แต่พูดตรงกันว่าระยะหลังเพื่อนของตนที่พฤติกรรมไป โดยมักจะคิดว่าตัวเองมีปัญหาและมีปมด้อย จนไม่อยากคุยกับเพื่อน