6/4 We are SphinX forever...
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

6/4 We are SphinX forever...

WELCOME to 6/4 Board (^O^)/
 
บ้านLatest imagesค้นหาสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 วิกฤตการอเมริกา สินเชื่อด้อยคุณภาพ

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
Katip_Sp25sadd
นิพพาน
นิพพาน
Katip_Sp25sadd


จำนวนข้อความ : 52
Registration date : 04/08/2008

วิกฤตการอเมริกา สินเชื่อด้อยคุณภาพ Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: วิกฤตการอเมริกา สินเชื่อด้อยคุณภาพ   วิกฤตการอเมริกา สินเชื่อด้อยคุณภาพ Icon_minitimeTue Aug 12, 2008 4:38 pm

“Subprime” วิกฤตป่วน “บาท”

คำว่า Subprime หรือ "ซับไพร์ม" นั้นแปลได้ตรงตัวว่าคุณภาพเป็นรอง แต่ความหมายจริงๆ ในช่วงนี้ที่เป็นข่าวก็คือ "ตราสารหนี้บ้านเกรดสอง" Subprime Mortgage ในประเทศสหรัฐอเมริกา หรือสินเชื่อที่ปล่อยกู้ให้กับลูกหนี้ที่มีเครดิตทางการเงินต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งปกติแล้วลูกหนี้กลุ่มนี้ "จนและเสี่ยง" เกินกว่าที่สถาบันการเงินจะปล่อยให้กู้

แต่เพราะ 5 ปีที่ผ่านมา ราคาอสังหาริมทรัพย์ทั้งบ้าน คอนโด และที่ดินในสหรัฐฯ สูงขึ้นอย่างรวดเร็วผิดปกติ ทำให้ทุกฝ่ายต่างเชื่อมั่นและแห่ลงทุนปล่อยกู้ในภาคอสังหาฯ จากที่เล่นกันเฉพาะในกลุ่มลูกหนี้คุณภาพดีจนตลาดอิ่มตัว ก็ขยายไปสู่ลูกหนี้ความเสี่ยงสูงดังที่บอกไป ทั้งนี้เพราะ “High Risk – High Return" นั่นคือผลตอบแทนก็สูงตามความเสี่ยงไปด้วย

ปัญหาของ “ซับไพรม์” ส่งสัญญาณมานานแล้ว สมัยที่ “พอล ครุกแมน” นักเศรษฐศาสตร์ระดับซูเปอร์สตาร์ของโลก เมื่อครั้งมาบรรยายที่กรุงเทพฯ เมื่อ 18 พฤษภาคม 2548 ในงาน "WARNING SYSTEM : Positioning of Thailand & South East Asia" ที่จัดโดย บริษัท ไทยเดย์ฯ เจ้าของนิตยสาร POSITIONING ก็ได้เคยพูดถึงฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกามาแล้ว

ก่อนการมาบรรยายในปีนั้น เขาและนักเศรษฐศาสตร์หลายคนได้ทำโมเดลทางเศรษฐกิจเพื่อจะคาดการณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตโดยภาพรวมไว้ และพบว่าประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่ที่น่าเป็นห่วงและกำลัง "Very Scary" คือสหรัฐอเมริกา และตัวปัญหาก็คือฟองสบู่อสังหาฯ นี่เอง

ครุกแมนทำนายไว้เมื่อ พ.ศ. 2548 ว่า "สหรัฐฯขาดดุลการค้ามาหลายปี เศรษฐกิจไม่น่าจะเดินต่อไปได้ และน่าสนใจว่าเงินในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แห่กันไปถมในภาคอสังหาริมทรัพย์คิดเป็นหลายเปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ทำให้บ้านตึกที่ดินราคาสูงขึ้นรวดเร็วผิดปกติอย่างยิ่ง สูงเกินกว่าความเป็นจริงกว่า 50%”

“นี่คือการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืนและไม่ได้มาจากการสร้างของนักธุรกิจ แต่เป็นการซื้อขายของคนธรรมดาที่มีการซื้อขายเหมือนกับการขายหุ้น ถือเป็นเรื่องน่ากลัวมากสำหรับฟองสบู่ครั้งนี้"

"ต้องหยุดฟองสบู่ในอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯให้ได้ ไม่เช่นนั้นอาจจะมีจุดแตกหักของระบบเศรษฐกิจโลกอีกครั้ง" ครุกแมนฟันธงไว้เมื่อ 2 ปีก่อน

ดูเหมือนคำพูดของครุกแมนจะลอยหายไปกับสายลม เพราะความเชื่อมั่นที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ในสหรัฐฯ มีการตั้งบริษัทเพื่อการนี้โดยเฉพาะ มาเปิดกองทุนออกตราสารหนี้ให้นักลงทุนสถาบันและทั่วไป ใช้บ้านหรือที่ดินที่ลูกหนี้ยื่นกู้นั่นเองมาค้ำประกันตราสารหนี้ ซึ่งตราสารแบบนี้เรียกกันได้ยินถี่ยิบในข่าวช่วงนี้ว่า CDO (Collateralized Debt Obligation)

สถาบันการเงินกลุ่มนี้แข่งขันดึงดูดใจลูกค้าเกรดสองโดยพยายามปล่อยกู้ให้มากที่สุด และยิ่งราคาบ้านสูงก็แปลว่ามูลค่าหลักประกันก็สูงขึ้นตามไปด้วย ก็ยิ่งกู้ได้มากขึ้นไปอีก คนอเมริกันก็มีวัฒนธรรมนิยมนำเงินในอนาคตมาใช้จ่ายล่วงหน้ากันอยู่แล้ว

แต่มาปีนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มสะดุด ลูกหนี้กลุ่มซับไพร์มเริ่มไม่จ่ายหนี้มากขึ้น ขณะเดียวกันราคาอสังหาฯในสหรัฐฯ ก็ตกต่ำลง ผลการดำเนินงานตกต่ำลง นักลงทุนที่ไม่สบายใจจะขายทิ้ง หรือบางกองทุนที่ครบอายุแล้วแต่กองทุนไม่มีเงินพอจะจ่ายให้ ราคาตราสารก็ตกต่ำดิ่งเหวตามสถานการณ์และความเชื่อมั่น

กองทุนและเฮดจ์ฟันด์ต่างๆ ที่ขาดทุนเป็นจำนวนมากจากตราสารหนี้ซับไพร์มที่ถือไว้ ก็พานต้องขายหุ้นสามัญทั่วไปที่มีอยู่ออกมาด้วย เพื่อนำเงินไปเสริมสภาพคล่องให้พอจ่ายไหลเวียน ทำให้ตลาดหุ้นดิ่งตกต่อเนื่องกันเป็นสัปดาห์อย่างมหาศาล ยิ่งมีข่าวว่ากองทุนบางแห่งต้องปิดตัวลง หรือบางแห่งแม้ไม่ปิดกองทุน แต่ก็ต้องให้ธนาคารกลางอัดฉีดเงินช่วย ก็ยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นตกต่ำรุนแรงยิ่งขึ้น

ธนาคารที่ว่านี้ นำโดยธนาคารกลางทั้งในสหรัฐฯ (FED) EU และญี่ปุ่น ที่อัดฉีดเงินจำนวนมหาศาล กว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 8 ล้านล้านบาท เพื่อจำกัดปัญหาไม่ให้ลุกลามเป็นวิกฤตการเงินใหญ่ เพราะไม่แค่เงินในสหรัฐฯ เท่านั้น เงินจากทั่วโลกก็ไหลเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ซับไพร์มด้วย

ในไทยเองก็มีธนาคารพาณิชย์ 4 แห่งที่ยอมรับว่าได้นำบางส่วนของเงินลงทุน FIF (Foreign Investment Fund) ไปซื้อตราสารซับไพร์ม แต่ก็มีแถลงข่าวชี้แจงทันทีว่ามีวงเงินประมาณ 2 หมื่นล้านบาทเท่านั้น และคิดเป็นแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับ 4.97 หมื่นล้านบาท จากข้อมูลสิงหาคม 2550 ซึ่งมีกองทุนรวม FIF ของไทยที่ไปลงทุนในตลาดต่างประเทศจำนวน 48 กองของ 19 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม

ยิ่งเมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านไปมีข่าวประกาศปิด 3 กองทุน มูลค่า 2 พันล้านยูโร ที่ลงทุนในหนี้ซับไพร์มของ BNP Paribas ธนาคารใหญ่แห่งฝรั่งเศส ก็ยิ่งแสดงชัดให้คนทั่วไปเห็นว่าหนี้บ้านเกรดสองนั้น กลับกลายจาก "โอกาส" มาเป็น "วิกฤต" อย่างเต็มตัวแล้ว


ตัวการทำหุ้นตกและบาทอ่อน

จากต้นปีที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทย SET Index มีแนวโน้มเป็นขาขึ้นมาตลอด เคียงคู่ไปกับขาบาทที่แข็งค่าขึ้นด้วย เพราะเงินทุนต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาแลกเงินบาทเพื่อซื้อหุ้นไทยของบริษัทใหญ่ๆ อย่างกลุ่ม ปตท. และธนาคารใหญ่ๆ มาตลอด

จนเมื่อกลางเดือนกรกฎาคมปีนี้ที่ซับไพร์มมาเริ่มเป็นข่าวใหญ่ กองทุนต่างชาติที่ขาดสภาพคล่องจากการขาดทุนในตราสารซับไพร์ม อีกทั้งยังต้องหาเงินสดสภาพคล่องไปรองรับนักลงทุนที่ไถ่ถอนเงินคืน จึงต้องขายหุ้นออกไป ทำให้ราคาหุ้นและ SET Index ดิ่งวูบลงอย่างรวดเร็ว

อีกเหตุผลของการขายทิ้งหุ้นไทยอย่างดุเดือดนับเดือน คือการที่ต่างชาติซื้อสะสมหุ้นไทยรอบนี้ตั้งแต่เงินบาทยังอยู่ในอัตราแลกเปลี่ยนที่ราว 38 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ฉะนั้นเมื่อเกิดวิกฤตซับไพร์มมาทำลายความมั่นใจ ณ อัตราแลกเปลี่ยนราว 32 บาทต่อเหรียญฯ ต่างชาติจึง“ขายอย่างไรก็กำไร” เพราะต่อให้ราคาหุ้นเท่าเดิมก็ยังได้กำไรค่าเงินนั่นเอง

จากรูปกราฟจะเห็นได้ชัดว่าเส้น SET Index กับเส้นค่าเงินบาทที่ถ่างออกห่างกันเรื่อยๆ มาตลอด กลับมาเปลี่ยนทิศหักเข้าหากันก็เมื่อกลางเดือนกรกฎาคมอย่างชัดเจน เพราะวิกฤตซับไพร์มที่ทำให้เกิดการขายหุ้นทิ้งแล้วแลกเงินบาทกลับออกไปเป็นเงินดอลลาร์อย่างผิดปกติ

ผลกระทบของวิกฤตนี้ในไทยใกล้ตัวกว่าที่คิด เพราะไม่ได้มีแค่หุ้นตกร้อยจุดและค่าเงินบาทผันผวนเท่านั้น แต่ยังหมายถึงโอกาสกู้ซื้อบ้านอาจจะยากขึ้น เพราะหลายฝ่ายโดยเฉพาะผู้บริหารหลายคนในธุรกิจบ้านคอนโดก็เริ่มมองกันแล้วว่าจากนี้และปีหน้าธนาคารไทยจะกลัว และหวงเงินที่จะปล่อยกู้ให้นายทุนไปสร้างหมู่บ้าน และก็ไม่ยอมใจดีปล่อยเงินให้ประชาชนกู้ไปซื้อบ้านหรือคอนโดง่ายๆ แบบ 2 ปีที่ผ่านมาอีกต่อไป
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
วิกฤตการอเมริกา สินเชื่อด้อยคุณภาพ
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
6/4 We are SphinX forever... :: สภาขนมขบเคี้ยวชาวซฟิงซ์ :: ความรู้รอบเอว เอาตัวรอดเสมอ-
ไปที่: