ปัจจุบันยาสามารถพัฒนาได้อีกขั้นจากการศึกษาวิธีการของธรรมชาติ ในธรรมชาตินั้น จริงๆแล้วอุดมไปด้วยวิธีการรักษาทางการแพทย์หลายล้านรูปแบบ ที่สามารถรักษา พัฒนาวิธีการรักษาโรคในปัจจุบัน หรือแม้แต่ป้องกันมนุษย์จากแบคทีเรียชนิดต่างๆ
หลายปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ได้ยึดการศึกษาเกี่ยวกับทรัพยากรทางธรรมชาติเป็นหลัก สำหรับการเก็บเกี่ยวความรู้ด้านวิธีการรักษาทางการแพทย์ใหม่ๆ เช่น ปลาวาฬหลังค่อม ปลิงทะเล และสาหร่ายทะเลออสเตรเลียสีแดง เป็นต้น
หัวใจของปลาวาฬหลังค่อมสามารถสูบฉีดเลือดได้เท่ากับ อ่างอาบน้ำถึง 6 อ่าง จากการเต้นของหัวใจเพียงสามครั้งต่อนาที ระบบการไหลเวียนของเลือดของมันซับซ้อนกว่าของคนเราถึง 4,500 เท่า ความเข้าใจในลักษณะพิเศษของหัวใจปลาวาฬหลังค่อมจะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์พัฒนาคิดค้นวิธีช่วยผู้ป่วยโรคหัวใจได้ ข้อเท็จจริงดังกล่าว เกี่ยวกับการทำงานของหัวใจของปลาวาฬหลังค่อมทำให้นักวิทยาศาสตร์สนใจเรื่องการทำงานของหัวใจปลาวาฬมากยิ่งขึ้นว่าทำไมปลาวาฬจึงมีความสามารถดังกล่าวได้
ระหว่างที่กำลังทำการศึกษาหัวใจของปลาวาฬอยู่นั้น Dr. Jorge Reynolds ได้ค้นพบ nano-sized 'wires' (“สาย” ที่มีขนาดเล็กมาก) สำหรับส่งสัญญาณไฟฟ้าที่สามารถกระตุ้นการเต้นของหัวใจผ่านมวลไขมันที่ไม่เป็นสื่อไฟฟ้าได้
จากการค้นพบนี้ ทำให้การรักษาโรคหัวใจพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น เพราะเราสามารถนำหลักการการทำงานนี้มาประยุกต์ใช้ทดแทน เครื่องกระตุ้นหัวใจชนิดเก่าได้ นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า แทนที่จะต้องติดตั้ง เครื่องกระตุ้นหัวใจที่ใช้แบตเตอรี่ nano-sized 'wires' ที่เรียนรู้จากการศึกษาเรื่องปลาวาฬนี้จะทำให้การช่วยผู้ป่วยโรคหัวใจนั้นสะดวกขึ้น เพราะ การใช้เทคนิค nano-sized 'wires' นี้ไม่ต้องมีการผ่าตัด ในขณะที่เครื่องกระตุ้นหัวใจชนิดเก่า มีความจำเป็นเพราะต้องผ่าตัดเปลี่ยนแบตเตอรี่เพราะแบตเตอรี่นั้นมีพลังงานการใช้งานเพียง 5-10 ปีเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น การค้นพบนี้ยังช่วยผู้ป่วยโรคหัวใจประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะเทคโนโลยีใหม่นี้ใช้ต้นทุนในการทำพียง ไม่กี่เซนต์เท่านั้น เปรียบเทียบกันกับเครื่องกระตุ้นหัวใจแบบเก่าซึ่งมียอดขายอยู่ในปัจจุบันปีละกว่าพันล้านดอลล่าร์
นอกเหนือจากปลาวาฬหลังค่อมแล้ว ยังมีสิ่งมีชีวิตทางทะเลอีกหลายชนิดที่ช่วยพัฒนาวิธีการรักษาทางการแพทย์ เช่น ที่ มหาวิทยาลัย Ohio's Cleveland West Reserve Jeffrey Capadona ได้ค้นพบสิ่งประดิษฐ์ใหม่ที่จะช่วยรักษาโรคเช่น พาค์กินสัน โรคหัวใจวาย และโรคไขสันหลังอักเสบ แต่ครั้งนี้แรงบันดาลใจมาจากสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ปลิงทะเล ที่สามารถเปลี่ยนผิวหนังจากแข็งและไม่ยืดหยุ่นเป็น ยืดหยุ่นได้อย่างง่ายดาย
โดยที่ นาย Capadona ได้กล่าวว่าเทคโนโลยีที่ใช้ในปัจจุบันที่ใช้รักษาโรคพาค์กินสัน หัวใจวาย และ ไขสันหลังอักเสบโดยวิธีฝังขั้วไฟฟ้าในสมองซึ่งจะเสื่อมสภาพลงหลังจากที่ร่างการเริ่มสร้างเนื้อเยื้อรอยแผลเป็นรอบๆแผล แต่ถ้าใช้เทคโนโลยีใหม่ที่เรียนรู้มาจากผิวหนังของ ปลิงทะเล ก็จะสามารถปรับปรุงการรักษา ให้คงสภาพได้นานยิ่งขึ้นเพราะ แผลจะไม่แข็งตัว
สาหร่ายทะเลสีแดงเป็นสิ่งมีชีวิตทางทะเลอีกชนิดหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสามารถช่วยควบคุมโรคบางอย่างได้ นักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัย New South Wales ประเทศออสเตรเลีย ค้นพบว่า สาหร่ายทะเลสีแดงที่พบได้ริมชายฝั่งนั้น ปราศจากไบโอฟิล์ม คือศูนย์รวมของแบคทีเรียที่เป็นต้นกำเนิดของ 70% ของโรคที่พบได้ในมนุษย์ จุดที่สำคัญคือ สารที่ป้องกันสาหร่ายชนิดนี้จากไบโอฟิล์ม ที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามนุษย์จะสามารถควบคุมแบคทีเรียได้เหมือนกับสาหร่ายชนิดนี้ที่แบคทีเรียไม่สามารถพัฒนาเพื่อต้านทานกับการรักษาได้
Nick Nuttall จาก UN Environment Program บอกกับ CNN ว่า “แหล่งผลิตยาที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง ล้วนแล้วมีประวัติศาสตร์ ที่มาจากการศึกษาทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นยาชื่อดังอย่าง แอสไพริน (aspirin) เพนิซิลลิน (penicillin) หรือ ยาป้องกันมะเร็งเต้านม taxol เป็นต้น”
“ธรรมชาติได้ช่วยแก้ปัญหาที่เราประสบได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นพลังงานทดแทน (การสังเคราะห์แสงของต้นไม้) การต้านทานของแบคทีเรียต่อยาปฏิชีวนะที่มนุษย์สร้างขึ้น (สาหร่ายทะเลบางชนิด) การทดลองวีธีต่างๆนี้มีมามากกว่าสี่พันล้านปีมาแล้ว”